วันนี้ก็ขอมาเขียนแนวโน้มของปี 2565 กันหน่อยเรียกได้ว่าสารพัดข่าวร้ายประเดประดังเข้ามา ที่จะทำให้บิทคอยน์ของเรานั้นพังพินาศได้เลย ก่อนอื่นขอออกตัวก่อนนะครับ ว่าบทความนี้ไม่ใช่แนะนำการลงทุน เป็นเพียงมุมมองหนึ่งเท่านั้น อาจจะผิดหรือจะถูกก็ได้ครับ
การทำนายว่าบิทคอยน์จะลงยาวไปอีก 3-5 ปี ก็มีโอกาสเป็นไปได้มากกว่าทำนายว่าจะขึ้นต่อเสียอีก และแอดมินเองก็มีคริปโตอยู่เต็มกระเป๋าซึ่งอาจจะติดดอยเลยเกิดไบแอส (Bias) ในการเขียนบทความขึ้นมาอีก แต่จะขออธิบายในตอนถัดไปนะครับ
ถ้าว่ากันตามตรงจริงๆ ตอนแรกแอดมินมองว่าบิทคอยน์น่าจะจบรอบทั้งหมดแล้ว ไม่ควรที่จะถือต่อไปเพราะจะเสี่ยงต่อภาพรวมของพอร์ตมากขึ้น ซึ่งตอนแรกๆแอดมินก็ทะยอยขายมาตลอด แต่พอราคาลงใหญ่ก็ทะยอยเก็บ แต่แอดมินไม่ได้เก็บบิทคอยน์นะ เก็บพวก Alt coin เพราะมีโอกาสทำกำไรมากกว่า แม้จะเสี่ยงมากกว่าก็ตาม แต่บรรดาเหรียญทางเลือก ก็ล้วนที่จะเดินตามลูกพี่อย่างบิทคอยน์ เราจึงต้องมาวิเคราะห์แนวโน้มทิศทางบิทคอยน์กัน
ตลอด 10 กว่าปีที่ผ่านมา แอดมินคาดว่าจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่ดีกว่า Blockchain ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเบื้องหลังการทำงานของ Crypto Currency ทั้งหลาย อ่านจากงานวิจัยหลายแห่ง แต่ก็ยังไม่พบว่าจะมีเทคโนโลยีใดจะมาเปลี่ยนแปลงได้ในเร็วๆนี้ แม้แต่เทคโนโลยีขั้นสูงคือควันตัมเอง ก็ยังไม่เห็นเป็นรูปเป็นร่างที่จะมาเป็นภัยคุกคามต่อบล็อกเชนได้ และต่อให้มีการใช้ควันตัม ตัวบล็อกเชนเองก็สามารถพัฒนาให้ต้านทานการถอดรหัสของควันตัมได้ ในด้านหนึ่งก็จะช่วยให้ระบบบล็อกเชนมีความปลอดภัยมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งตอนแรกเหมือนจะเป็นภัยคุกคาม แต่ก็อาจจะเป็นแรงสนับสนุนเสียมากกว่า ดังนั้น ในด้านปัจจัยพื้นฐาน แอดมินเองก็ยังมองว่าบล็อกเชนยังคงมีความแข่งแกร่งเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนไป
แต่ราคาของบิทคอยน์นั้น มีการเปลี่ยนแปลง
ในยุคเริ่มต้นแรกๆประมาณปี 2017 มีข่าวประเดประดังมากมาย ผู้คนขาดความเชื่อมั่นเททิ้งทุกราคา พร้อมกับถ้อยคำว่าเป็นเพียงฟองสบู่ที่รอวันแตกก็เท่านั้น แต่ปัจจุบันปี 2022 คือระยะเวลาเพียงแค่ 5 ปีเท่านั้น ข่าวร้ายมามากกว่าเดิมทั้งข่าวควันตัม ข่าวสงครามโลกครั้งที่สาม ข่าวโรคระบาด แต่กลับแทบไม่ได้มีผลกระทบต่อราคาบิทคอยน์อย่างมีนัยยะสำคัญ หรือว่าแอดมินอาจจะเคยเห็นวันโลกแตกสมัย 2017 ก็เลยรู้สึกชินชากับสถานการณ์ปี 2017 มาก
ขนาดมีข่าวร้ายรอบทิศทางราคาบิทคอยน์เองก็ยังไม่ทะลุจุดที่เคยต่ำสุดคือช่วง 28,000 USD เลย ซึ่งเป็นเรื่องแอดมินเองก็แปลกใจมาก ก็เลยมีความคิดว่าอะไรที่กดแล้วมันกดไม่ได้อีก วันหนึ่งมันก็จะเด้งใส่หน้าแบบไม่ลืมหูลืมตา ในเมื่อสรรพข่าวร้ายมาขนาดนี้แต่ยังทำลายแนวรับของบิทคอยน์ไม่ได้ หรือว่ามันจะลงต่ำได้แค่นี้ ก็เลยลองวางฟิโบนักชีคร่าวๆว่าราคาจะไปหยุดที่ไหนได้
ซึ่งน่าตกใจมากว่าเป้าหมายถัดไปคือ 138K- 140K USD. ซึ่งก็เป็นราคาที่ค่อนข้างโอเวอร์ประมาณหนึ่ง
(4 ล้านกว่าบาท) แต่แอดเองก็เริ่มเห็นเค้าลางบางอย่าง เช่น เศรษฐกิจโลกกำลังอยู่ในช่วงวิกฤต หนี้ของแต่ละประเทศสูงขึ้นมาก รวมถึงมีการก่อสงคราม ถ้าเกิดมีประเทศใดล้มอีก เงินตราของประเทศนั้นก็จะไร้ค่า ก็ต้องพึ่งพาเงินดิจิตอลในการแลกเปลี่ยนกัน ก็ยังมองว่ามีโอกาสที่จะเกิด Use case เกิดขึ้นจริงท่ามกลางเศรษฐกิจที่กำลังพังพินาศ
เหนือสิ่งอื่นใด ก็ขอให้ผู้อ่านใช้สติดีๆ บทความนี้เขียนด้วยไบแอสด้วยประมาณหนึ่ง และความเชื่อของแอดมิน ควรหาข้อมูลหลายๆด้านประกอบว่าสิ่งที่แอดมินเล่ามาเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน
นี่ไม่ใช่คำแนะนำการลงทุนเป็นเพียงมุมมองหนึ่งเท่านั้น ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการอ่านและตัดสินใจลงทุน และรับผิดชอบความเสี่ยงด้วยตัวท่านเอง
ด้วยรัก แอดมินไทยเทรดบีทีซี (ThaiTradeBTC.com)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น